Siwat Homkham (Banane) Music Director
กล้วยเข้าวงการเพลงด้วยการทำอัลบั้ม Morning Surfers เขาทำงานประจำเป็นวิศวกรอยู่หลายปีแต่ก็ไม่เห็นตัวเองเป็นวิศวกรในตอนแก่ เลยค่อยๆ เข้ามาทำเพลงในวงการโฆษณา แล้วจึงได้รู้ว่ามนุษย์คนหนึ่งสามารถแต่งเพลงภายในหน่วยชั่วโมงได้
คนหวงเพลง
“ตอนแรกๆ ที่มาทำก็เป็นคนหวงเพลงอยู่ มีความดื้อ แต่มันมีงานหนึ่งที่เอเจนซี่กับ Production House เห็นตรงกัน แต่ลูกค้าไม่เห็นด้วย ทะเลาะกัน มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า อ๋อ ไอ้เี้ย กว่าจะมาถึงเรา เขาทะเลาะกันมาเละเทะแล้วว่ะ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปทะเลาะกับเขาเลย เราทำความเข้าใจเขาแทนละกัน หนังเขา เขาต้องรู้ดีที่สุดอยู่แล้วว่าอะไรดีที่สุด ผู้กำกับต้องเข้าใจมากที่สุด ตั้งแต่วันนั้นเราเลยถือกฎเลยว่า ไม่ว่าลูกค้าหรือเอเจนซี่จะพูดอะไร เราจะหันไปมองไดเรคเตอร์ว่า ‘พี่โอเคกับสิ่งที่เขาอยากให้แก้หรือเปล่า เพราะมันเป็นหนังของพี่นะ ผมแก้ให้ได้ เพลงมันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเพลงนี้มันจะทำให้หนังพี่เี้ย พี่ยอมได้หรือเปล่า’”
อย่าแยกหนังออกจากเพลง ถ้าแยกหนังออกจากเพลงมันจะพังหมด
เพลงเพราะ (แม่ง) ไม่ช่วยอะไร
“เวลาเราทำดนตรี เราจะรู้ว่าทำแบบไหนแล้วจะเพราะ แบบไหนถึงจะสมบูรณ์ แต่พอเปิดดูกับไดอาล็อก เปิดดูกับภาพ เราจะรู้ว่าเพลงเพราะแม่งไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าไม่ได้เล่าสิ่งที่หนังต้องการจะบอก มันจะมีโฆษณาหลายตัวมากที่คนชมว่า ‘โอ้โห หนังเรื่องนี้เพลงเพราะว่ะ แม่งรอดได้เพราะเพลง’ ถ้าอยู่ๆ เพลงมันไปเด่นกว่า และคนเสือกจำเพลงได้มากกว่าหนัง ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หนังเพลง แบบนี้ถือว่าเฟล
“หลายครั้งที่ความต้องการของผู้กำกับขัดแย้งกับทฤษฎีดนตรีโดยสิ้นเชิง ‘ท่อนนี้มันต้องขึ้นแล้วนะพี่’ แต่สุดท้ายเขาให้ทำน้อย ถ้าฟังแต่เพลงก็จะดูพิการ แต่พออยู่กับหนังกลับโอเค คนฟังได้ยินโฆษกพูดชัดขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องฟังเพลง ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่าโฆษณาขายอะไร แล้วมันจะมีปัญหาเวลาขายเพลงแล้วลูกค้าชอบนั่งหลับตาฟังเพลง คอมเมนต์ว่า ‘เพลงนี้มันดาร์คไปอะ’ ลืมตาๆ พี่ดูภาพ! ไม่มีใครฆ่าตัวตายเพื่อน มันไม่ดาร์ก เขาออกกำลังกายอยู่ (หัวเราะ) อย่าแยกหนังออกจากเพลง ถ้าแยกหนังออกจากเพลงมันจะพังหมด”
ฟันเฟืองเล็กๆ
“คุณค่าของอาชีพนี้เหรอ… ใช้เงินเก่งขนาดนี้ตอบว่าเงินได้ไหม (หัวเราะ) คือการทำเพลงโฆษณามันใช้เวลาสั้น ส่วนใหญ่คุณค่าจะเป็น small acheivement วันนี้ขายงานผ่านเร็ว ลูกค้าเห็นด้วยกับเราก็จบ รางวัลและเครดิตที่ได้จะเป็นของเขาก็ไม่เป็นไร รางวัลก็อยากได้แหละ แต่ส่วนใหญ่เพลงมันจะดีก็ต่อเมื่อภาพรวมหนังมันดี มันเป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เราคนเดียว แปลว่าถ้าต้องเลือกผลงานที่ชอบ เราจะไม่ได้เลือกจากเพลง แต่เราจะเลือกจากทั้งหมด
“ช่วงแรกๆ ที่ทำงานเราจะคิดหาทางแก้ปัญหาก่อนจะคิดแต่งเพลงอีก ‘เหี้ย ซาวนด์นี้กูไม่มี กูจะใช้อะไรแทนวะ’ แต่พอเข้าใจว่าเพลงมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของหนัง เราก็มองอีกแบบหนึ่ง โอเค ไม่สนแล้วว่าจะใช้เครื่องดนตรีอะไร เรื่องแรกที่จะโฟกัสคือเขาต้องการอะไรจากเพลงนี้ และดนตรีนี้จะไปเสริมตัวหนังได้ยังไง เราไม่ได้มองมันเป็นเพลงเดี่ยวๆ อีกต่อไปแล้ว”
Comments